Category: Biometrics Technology
ในปัจจุบันเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการในด้านความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยระบบตรวจสอบตัวบุคคลถือว่าเป็นเทคโนโลยีอันดับต้นๆ ที่หลายหน่วยงาน หรือองค์กรได้นำระบบดังกล่าวเข้ามาติดตั้งใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในด้านความปลอดภัยให้กับองค์กร โดยระบบตรวจสอบตัวบุคคลหรือที่คุ้นเคยเรียกกันอีกอย่างคือ ระบบตรวจจับวิเคราะห์ใบหน้า (Face Recognition) ซึ่งจะทำหน้าที่วิเคราะห์ตรวจสอบและจดจำใบหน้าทำงานร่วมกับกล้องวงจรปิด IP Camera คุณภาพสูง โดยลักษณะการทำงานระบบจะทำการเปรียบเทียบใบหน้าของบุคคล ที่ผ่านเข้ามาในกล้องที่ได้กำหนดและตั้งค่าเอาไว้ จากนั้นจะทำการนำภาพใบหน้าดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับภาพบุคคลในฐานข้อมูล โดยความถูกต้องและแม่นยำของข้อมูลนั้นสามารถปรับตั้งค่าได้ตามความเหมาะสมของสภาพแวดล้อม หลังจากระบบทำการเปรียบเทียบใบหน้าบุคคลตรงกับฐานข้อมูลแล้วจะทำการแจ้งเตือนให้ทราบทันที ซึ่งระบบดังกล่าวเหมาะแก่การนำไปใช้ตรวจสอบความปลอดภัยของบุคคลทั้งในอาคาร สำนักงาน หน่วยงานหรือสถานที่สำคัญ ด่านตรวจความมั่นคงต่างๆ เป็นต้น โดยในปัจจุบันระบบตรวจจับวิเคราะห์ใบหน้า (Face Recognition) ยังถูกพัฒนาให้สามารถทำงานร่วมกับระบบรักษาความปลอดภัยอื่นๆได้ด้วย เช่น …
กระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นเตรียมติดตั้งตู้ตรวจคนต่างชาติที่กำลังเดินทางกลับแบบอัตโนมัติ โดยอาศัยระบบตรวจจับใบหน้าและเทียบกับในพาสปอร์ต ทำให้กระบวนการตรวจเอกสารก่อนออกเดินทางเหลือเวลาเพียง 15 วินาที ก่อนหน้านี้ตู้ตรวจเอกสารอัตโนมัติใช้งานสำหรับคนญี่ปุ่นเองที่เดินทางกลับเข้าประเทศเท่านั้น แต่ตู้ชุดใหม่จะเปิดให้คนต่างชาติใช้งานด้วย และจะเพิ่มจำนวนไปจนถึง 137 ตู้ ในสนามบินนานาชาติหลายแห่งทั่วญี่ปุ่น รวมถึง ฮาเนดะ, นาริตะ, คันไซ, และฟูกุโอกะ ที่คนไทยมักเดินทางไปกันมาก ทางกระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นยืนยันว่าภาพจะถูกลบออกทันทีหลังกระบวนการยืนยันตัวตนเสร็จสิ้นแล้ว โดยใช้ภาพเทียบจากภาพในชิปของพาสปอร์ตเอง ระบบนี้จะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้สะดวก และการตรวจสอบคนขาเข้าทำได้มากขึ้น เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับโอลิมปิกปี 2020 ที่กำลังใกล้เข้ามา เครดิตข้อมูลข่าวโดย : https://www.blognone.com
Sina News ของจีนได้เผยแพร่ภาพบรรยากาศห้องเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองหางโจว ซึ่งเป็นห้องเรียนระดับชั้นเกรด 11 (เทียบเท่า ม. 5) ซึ่งห้องเรียนนี้มีการติดตั้งกล้องวิดีโอไว้ตรงกระดานดำ 3 ตัว เพื่อบันทึกภาพใบหน้าของนักเรียนในห้อง กล้องชุดดังกล่าวมีคำเรียกว่า ครูผู้ช่วย ซึ่งเป็นส่วนของระบบจัดการพฤติกรรมในห้องเรียนอัจฉริยะ ที่ทำให้ครูผู้สอนได้ข้อมูลนักเรียนแบบเรียลไทม์ โดยระบบจะวิเคราะห์ภาพรวมในห้องเรียนผ่านสีหน้านักเรียน ว่าตอนนี้พวกเขายังให้ความสนใจกับการเรียน หรือมีอาการเบื่อหน่ายมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ยังใช้เป็นเครื่องมือเช็คชื่อนักเรียนได้อีกด้วย ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีนี้จะนำมาใช้ควบคุมนักเรียน แต่ครูผู้สอนเองก็ได้ประโยชน์เพราะจะสะท้อนว่าแนวทางการสอนของครู ณ ขณะนั้น ได้ผลเช่นไรด้วย นักเรียนคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่าการติดกล้องในห้องเรียนแบบนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนมีดวงตาลึกลับคอยจับจ้องอยู่ตลอด จึงไม่กล้าทำอะไรที่ไม่เหมาะสมในห้องเรียน ผลคือทุกคนก็ดูตั้งใจเรียนกันมากขึ้น ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวของการนำเทคโนโลยีรู้จำใบหน้ามาประยุกต์ใช้ในประเทศจีน …