fbpx

รู้หรือไม่ว่าที่ “อังกฤษ” นั้นมี “กล้องตรวจจับความเร็ว” มากถึง 11 แบบ แล้วทำไมต้องมีเยอะขนาดนั้น!?

กล้องตรวจจับความเร็ว เป็นอุปกรณ์ที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายทั้งในบ้านเราและหลายประเทศทั่วโลก

ในบางประเทศอย่างเช่นที่อังกฤษ เทคโนโลยีที่ว่านี้ถูกใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนมานานเกือบ 30 ปีแล้ว ซึ่งหลายคนก็อาจได้เคยได้ยินได้อ่านกันมาบ้างว่า เทคโนโลยีตรวจจับความเร็วของพวกเขานั้นล้ำหน้ามากแค่ไหน

ความล้ำหน้าที่ว่านั้นไม่ได้หมายถึงการทำงานอันยอดเยี่ยมของตัวกล้องเท่านั้น แต่ยังหมายถึงกล้องตรวจจับความเร็วที่สามารถแบ่งแยกย่อยได้อีกหลายรุ่น เพื่อให้เหมาะต่อการใช้งาน

ซึ่งในครั้งนี้เราจะขอออกนอกเรื่องรถยนต์สักเล็กน้อย และพาคุณผู้อ่านไปพับกบ เอ้ย!! พบกับกล้องตรวจจับความเร็วทั้ง 11 แบบจากอังกฤษกันครับ…

1. Digital Gatso

กล้องจับความเร็วจากบริษัท Gatsometer BV บริษัทผู้ผลิตกล้องตรวจจับความเร็วรายแรกของอังกฤษ ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป และถูกใช้ตรวจจับความเร็วบนท้องถนนมานานกว่า 27 ปี

ตัวกล้องมีลักษณะเป็นสีเหลือง เนื่องจากมีข้อกฎหมายระบุให้กล้องตรวจจับความเร็วต้องสามารถมองเห็นได้ชัดเจน (ห้ามซ่อนตามพุ่มไม้นะ 555)

กล้อง Digital Gatsos จะทำการจับภาพรถจากทางด้านหลังเท่านั้น ซึ่งจะไม่ทำให้แสงแฟลชจากกล้องรบกวนสายตาผู้ขับขี่

หลักการทำงานคือ กล้องจะลั่นชัตเตอร์อย่างรวดเร็ว 2 ครั้งเพื่อจับความเร็วของรถ พร้อมปล่อยแฟลชออกมา

ซึ่งแสงจากแฟลชไม่เพียงแต่จะทำให้เห็นตัวรถ และป้ายทะเบียนเท่านั้น แต่ยังทำให้เห็นเส้นประบนพื้นถนน เพื่อใช้ยืนยันว่ารถคันดังกล่าวขับเร็วเกินกฎหมายกำหนดหรือไม่

2. Truvelo Combi

แม้ข้อดีของกล้อง Digital Gatsos คือการจับภาพรถจากด้านหลัง ซึ่งทำให้แสงแฟลชไม่รบกวนผู้ขับขี่ แต่ขณะเดียวกันมันก็มีข้อเสียคือ ทำให้ไม่เห็นหน้าคนขับ และยากต่อการติดตามผู้กระทำความผิด

กล้อง Truvelo Combi จึงถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยจะจับภาพของรถจากทางด้านหน้า และมีการนำเอาเทคโนโลยีอินฟราเรดมาใช้แทนแสงแฟลชแบบเดิม

กล้องประเภทนี้จะทำงานร่วมกับตัวเซ็นเซอร์จับความเร็วที่ติดอยู่บนพื้นถนน และยังคงใช้หลักการเดียวกันกับกล้อง Digital Gatsos คือการจับภาพเส้นประบนถนน เพื่อใช้ยืนยันว่ามีการขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนดหรือไม่

ปัจจุบันกล้อง Truvelo Combi สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในอังกฤษ และกำลังจะเข้ามาแทนที่กล้อง Digital Gatsos แบบเดิม

3. Truvelo D-Cam

กล้องจับความเร็วที่เริ่มใช้ในอังกฤษครั้งแรกเมื่อปี 2013 D-Cam ที่ต่อท้ายชื่อยี่ห้อหมายถึง Digital Camera หรือกล้องดิจิตอล แต่แม้ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่เหมือนกับกล้อง 2 ชนิดแรก แต่ Truvelo D-Cam มีความสามารถที่แตกต่างออกไป

Truvelo D-Cam เป็นกล้องที่รวมการทำงานของ Digital Gatso และ Truvelo Combi ไว้ในตัวเดียว ทำให้มันสามารถจับภาพของรถได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังพร้อมกัน

ไม่เพียงเท่านั้น Truvelo D-Cam ยังสามารถจับภาพถนนพร้อมกันได้ถึง 3 เลน และจะทำการส่งภาพไปเก็บไว้บนฐานข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้อีก

4. HADECS3

กล้องตรวจจับความเร็วบนมอเตอร์เวย์ และยังถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของระบบทางหลวงอัจฉริยะอีกด้วย

HADECS3 เป็นกล้องที่ถูกพัฒนาโดยตำรวจทางหลวงของอังกฤษ ซึ่งชื่อของมันนั้นย่อมาจาก Highway Agency Digital Enforcement Camera System (ยาวมาก!!) ระบบกล้องตรวจจับการจราจร ที่พัฒนามาตั้งแต่ปี 2012

เทคโนโลยีเรดาร์ คือเทคโนโลยีสุดล้ำที่ถูกนำมาใช้กับกล้องตรวจจับความเร็วชนิดนี้ มันสามารถตรวจจับรถได้พร้อมกับถึง 5 ช่องจราจร

และจากภาพที่ได้มา มันสามารถประมวลผลเพื่อแยกรถเป็นรายคัน เพื่อดูว่าคันไหนทำตามกฎจราจรหรือไม่ ทั้งยังสามารถตรวจจับความเร็วได้ในทุกสภาพอากาศอีกด้วย

5. SPECS

SPECS คือกล้องที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบควบคุมความเร็วแบบเฉลี่ย ซึ่งต่างจากกล้องอื่นที่จับเพียง 1 จุด แต่กล้องนี้จะต้องถ่ายถึง 2 จุด

การควบคุมความเร็วแบบเฉลี่ย คือการบันทึกเวลาเข้า-ออกเขตควบคุมความเร็วของรถแต่ละคัน จากนั้นจะนำเวลาที่ได้มาคำนวนกับระยะทางเพื่อหาความเร็วเฉลี่ยที่ใช้ สำหรับตรวจสอบว่ารถคันดังกล่าวใช้ความเร็วเกินที่กำหนดไว้หรือไม่

โดยกล้อง SPECS จะทำหน้าที่บันทึกวิดีโอ และคำนวนความเร็วเฉลี่ยของรถแต่ละคัน ก่อนที่จะส่งข้อมูลเข้าระบบเพื่อออกใบสั่งสำหรับรถที่ทำผิดกฎ

6. VECTOR

กล้องในระบบควบคุมความเร็วแบบเฉลี่ยอีกประเภทหนึ่ง ที่ถูกพัฒนาต่อจาก SPECS ซึ่งจะทำงานคล้ายกัน แต่ทางผู้ผลิตได้มีการเพิ่มเทคโนโลยีแบบใหม่เข้าไปเพื่อให้มันสามารถตรวจจับความเร็วได้ดียิ่งขึ้น

ซึ่งที่อังกฤษ กล้อง VECTOR จะถูกใช้งานใน 2 ลักษณะคือกล้องสีเหลือง จะใช้สำหรับตรวจจับความเร็ว

ส่วนกล้องสีเทาจะใช้สำหรับตรวจจับคนที่ทำผิดวินัยจราจร เช่น ขับรถในช่องรถสาธารณะ, ฝ่าไฟแดง หรือใช้ในการแก้ปัญหาจอดรถผิดที่

7. Siemens SafeZone

ระบบควบคุมความเร็วแบบเฉลี่ยในประเทศอังกฤษนั้นไม่ได้ถูกใช้เฉพาะแค่บนทางด่วนเท่านั้น แต่ยังใช้ในเขตเมือง, หมู่บ้าน หรือเขตโรงเรียนเองด้วย ซึ่งในสถานที่เหล่านี้ส่วนมากจะใช้กล้อง Siemens SafeZone

กล้อง Siemens SafeZone สามารถใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่การจำกัดความเร็วบนถนนสายเล็กๆ ที่มีความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไปจนถึงทางด่วนที่ 220 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้

นอกจากนี้จุดเด่นอีกอย่างของกล้อง Siemens SafeZone คือมันสามารถติดตั้งได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นบริเวณสะพาน หรือเสาไฟฟ้า

8. SpeedSpike

ยังคงอยู่ที่กล้องสำหรับระบบควบคุมความเร็วแบบเฉลี่ย SpeedSpiker เป็นกล้องจากผู้ผลิตอีกรายหนึ่ง ที่พยายามเสนอเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่ากล้องประเภทอื่น เพื่อให้การตรวจจับความเร็วมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างของเทคโนโลยีสุดล้ำที่ว่านั้นก็คือ การรับส่งข้อมูลระหว่างกล้อง 1,000 ตัว เพื่อให้การควบคุมความเร็วแบบเฉลี่ยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถทำงานต่อเนื่องได้แบบ 24 ชั่วโมง

SpeedSpiker ยังคงทำงานร่วมกับระบบจำแนกแผ่นป้ายทะเบียน เหมือนกับกล้องจับความเร็วแบบอื่น เพื่อให้สามารถส่งใบสั่งไปยังรถที่ทำผิดกฎจราจรได้อย่างถูกต้อง

9. SpeedCurb

กลับมาที่กล้องตรวจจับแบบจุดเดียวกันอีกครั้ง กล้องนี้มีลักษณะการทำงานคล้ายกับกล้อง Gatso คือจะสามารถจับภาพได้เฉพาะด้านหลังของรถเท่านั้น

จุดประสงค์การทำงานของ SpeedCurb มีอยู่ 2 อย่างคือ ตรวจจับรถที่ฝ่าสัญญาณไฟจราจร และใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด

ส่วนหลักการทำงานนั้นจะคล้ายกับกล้อง Truvelo Combi ที่จะทำงานร่วมกับตัวเซ็นเซอร์จับความเร็วที่ติดอยู่บนพื้นถนน

หากว่าคุณถูกกล้องตัวนี้จับได้ว่าทำผิดกฎจราจรล่ะก็ ภาพสวยๆ 3 ใบจะถูกส่งไปที่บ้านของคุณ ใบแรกจะเป็นภาพมุมกว้างของถนนสายนั้น ภาพที่สองจะเป็นรถของคุณ และภาพที่ 3 จะเป็นแผ่นป้ายทะเบียน

10. REDFLEX

กล้องจับความเร็วรุ่นใหม่ที่ยังไม่ถูกใช้งานแพร่หลายมากในอังกฤษ กล้อง REDFLEX จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามจุดประสงค์การใช้งาน

กล้อง REDFLEXred จะเป็นกล้องที่ใช้ตรวจจับผู้ขับขี่ที่ผ่านฝืนสัญญาณไฟจราจร

ส่วนกล้อง REDFLEXspeed จะเป็นกล้องจับความเร็ว ที่ใช้กับทางด่วนแบบ 6 เลน

ทางบริษัท REDFLEX ผู้ผลิตกล้องระบุว่า กล้องของพวกเขายังสามารถใช้กับระบบควบคุมความเร็วแบบเฉลี่ย โดยตัวกล้องสามารถรับข้อมูลจากกล้องตัวอื่น เพื่อใช้คำนวนความเร็วของรถได้ และตัวกล้องเองมีความละเอียดถึง 11 ล้านพิกเซล

11. Long Ranger

กล้อง Long Ranger คือส่วนหนึ่งของระบบจำกัดความเร็วแบบเคลื่อนที่ โดยกล้องประเภทนี้ถูกนำมาใช้งานครั้งแรกเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา

โดยความแตกต่างระหว่างกล้องแบบอื่นในลิสต์ก็คือ กล้อง Long Ranger นั้นจะต้องมีคนคอยกดชัตเตอร์ แต่สิ่งที่ทำให้มันได้เปรียบกล้องแบบอื่นก็คือสามารถถ่ายภาพในระยะไกลได้มากสุดถึง 1 กิโลเมตร

จุดประสงค์การใช้งานของกล้องประเภทนี้ไม่ได้มีแค่การจำกัดความเร็วเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถถ่ายภาพรถที่ทำผิดกฎจราจรในระยะไกลได้อีกด้วย ชนิดที่ว่าใครเล่นมือถืออยู่ในระยะ 1 กิโลเมตรกล้องนี้ก็มองเห็นได้

นอกจากกล้องทั้ง 11 แบบนี้แล้ว ยังมีเครื่องมืออื่นที่ใช้ในการดูแลเรื่องวินัยจราจรอีก อย่างเช่น Mobile speed Cameras หรือกล้องความเร็วแบบเคลื่อนที่ ซึ่งจะสามารถเคลื่อนไปยังจุดต่างๆ ได้

หรือยังมีกล้องที่ออกแบบมาเพื่อการตรวจจับผู้ขับขี่ที่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟโดยเฉพาะด้วย

ส่วนในบ้านเราเองก็มีการนำเอาระบบควบคุมความเร็ว และการตรวจจับป้ายทะเบียนยานพาหนะเข้ามาใช้ด้วยเช่นกัน ส่วนจะกล้องแบบไหนบ้างนั้น เราคงต้องขอตัวไปเก็บรวบรมข้อมูล และเอามานำเสนอในโอกาสหน้าครับ…

เครดิตข้อมูลข่าวโดย : https://www.magcarzine.com

Leave a Reply