ตร.ขอนแก่น ทดสอบใช้กล้องตรวจจับความเร็วรุ่นใหม่ ไว้จับรถที่ขับเร็วในรัศมี 200 เมตร เน้นจุดเสี่ยงถนนมิตรภาพช่วง (ขอนแก่น-อุดรธานี) และ ถ.มะลิวัลย์ เหยียบได้ไม่เกิน 100 กม./ชม. ดีเดย์ ธ.ค.นี้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 พ.ย.2562 ที่บริเวณด้านหน้าสถานีตำรวจทางหลวงขอนแก่น ริม ถ.มิตรภาพ เขตเทศบาลนครขอนแก่น พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ เป็กทอง รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมด้วย รศ.ดร.ธเนศ เสถียรนาม, ดร.นพดล กรประเสริฐ และคณะทำงานในการป้องกันและลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนน จ.ขอนแก่น นำเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงและเจ้าหน้าที่ตำรวจจากทั้ง 18 อำเภอของ จ.ขอนแก่น มาทำการทดสอบการใช้เครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพา ตามแนวทางการควบคุมการใช้ความเร็วโดยเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพา ภายหลังจากที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. กระทรวงมหาดไทย ได้ทำการส่งมอบเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพารุ่นใหม่มอบให้กับตำรวจทางหลวงขอนแก่น 5 เครื่อง และสถานีตำรวจในเขต จ.ขอนแก่น รวม 18 โรงพัก
การทดสอบการใช้เครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพารุ่นใหม่นี้นั้น ได้ทดสอบขั้นตอนในการทำงาน โดยตำรวจทางหลวงและตำรวจจากทั้ง 18 สภ. ได้ทำการติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วทุกตัว บริเวณในจุดที่กำลัง ทั้งบริเวณเกาะกลางถนน และบริเวณริม ถ.มิตรภาพ เส้นทางขอนแก่น-อุดรธานี ฝั่งด้านหน้าสถานีตำรวจทางหลวงขอนแก่น โดยมีการกำหนดตั้งความเร็วในระยะจำกัด 100 กม.ต่อชั่วโมง เพื่อทดสอบระบบการตรวจจับ ระบบเซนเซอร์ ระบบการโฟกัสภาพ รวมไปถึงระบบของกล้องในด้านต่างๆ ทั้งในรูปแบบการติดตั้งด้วยการใช้ขาตั้งและระบบพกพา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบเข้าร่วมทดสอบและระบบการเรียนรู้ขั้นตอนของการทำงาน ตามการได้รับมอบหมายในการควบคุมและป้องกันการเกิดอุบัติหุทางถนนด้วยการควบคุมความเร็วเข้าร่วมรับการอบรมและทดสอบเครื่องรวมกว่า 40 นาย
พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ เป็กทอง รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า เครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพาที่ได้รับการส่งมอบจาก ปภ.นั้น ขณะนี้ได้มีกาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเรียบร้อยแล้ว แยกเป็นตำรวจทางหลวงขอนแก่น 5 เครื่อง และตำรวจใน 18 สภ. อีก 18 เครื่อง รวมเครื่องตรวจจับความเร็วที่จะออกปฏิบัติงานในครั้งนี้รวม 23 เครื่อง ซึ่งขณะนี้การฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเสร็จสิ้นแล้ว จากนี้ไปคือการที่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบที่ต้องกำกับควบคุมเครื่องดังกล่าวจะต้องเข้ารับการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตและใบรับรองการตรวจสอบมาตรฐานของเครื่องตรวจจับความเร็วสากล ซึ่งเป็นใบรับรองของหน่วยงาน IACP หรือ International Association of Chiefs of Polices และใบรับรองของหน่วยงาน NHTSA หรือ National Highway Traffic Safety Administration ที่เป็นหน่วยงานควบคุมความปลอดภัยจราจรทางหลวงแห่งชาติ โดยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนจะต้องเข้ารับการทดสอบเพื่อให้ได้ใบรับรองในการออกปฏิบัติหน้าที่ โดยเครื่องที่ได้รับมอบมานั้นจะมีลักษณะพิเศษคือสามารถที่จะตรวจจับความเร็วรถยนต์ที่กระทำผิดกฎหมายด้วยการขับรถเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ในรัศมี 200 เมตร
“การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในเขต จ.ขอนแก่น นั้นยอมรับวาอยู่ในสถิติที่น่าเป็นห่วง ส่วนใหญ่ยังคงมีสาเหตุมาจากการขับรถเร็ว ที่ผ่านมาทุกหน่วยงานได้ร่วมกันรณรงค์และควบคุมการเกิดอุบัติเหตุในด้านต่างๆ จนมีสถิติที่ลดลงมาบ้างในบางจุด แต่การสร้างความยั่งยืนและสร้างความตระหนักรู้ และที่สำคัญคือการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนนั้นกระทำตามการตามกฎจราจรและกระทำการตามกฎหมายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งเครื่องตรวจจับความเร็วดังกล่าวที่ได้รับการส่งมอบนั้นตำรวจที่ปฏิบัติงานจะไม่เน้นผลของการจัดกุมเป็นหลัก แต่จะเป็นการเตือนว่าใครที่ขับรถเร็วที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ซึ่งเครื่องตรวจจับความเร็วทั้งหมดนี้จะถูกส่งไปติดตั้งในจุดที่คณะทำงานกำหนด โดยดูจากสถิติย้อนหลัง 3 ปีว่าจุดใดนั้นเกิดอุบัติเหตุจำนวนมาก ซึ่งจากข้อมูลพบว่าส่วนใหญ่จะเป็นในช่วงจุดกลับรถ และจุดที่เป็นทางร่วมทางแยกต่างๆ” รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าว
พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเมื่อทำการติดตั้งและเซตระบบต่างๆ แล้วเสร็จ ก็จะทำการตรวจจับความเร็วสำหรับรถยนต์ทุกประเภทที่กระทำความผิดคือการขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดในเขตที่กำหนด ซึ่งเมื่อระบบเซนเซอร์ตรวจจับพบแล้วก็จะมีเสียงสัญญาณแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ให้ทำการตรวจสอบ และเครื่องจะบันทึกภาพของรถที่กระทำความผิดแบบอัตโนมัติทันที จากนั้นเจ้าหน้าทีจะนำภาพมาลงระบบประมวลผลและตรวจสอบการครอบครอง จนนำไปสู่การออกใบสั่งจากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในเขตอำนาจควบคุมที่กำหนด ก่อนที่จะส่งไปรษณีย์แจ้งถึงผู้กระทำความผิดมาทำการชำระค่าปรับตามกฎหมาย
รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวด้วยว่า การทำงานของตำรวจนั้นเน้นหนักไปในเรื่องของการป้องกันและป้องปรามการเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะการขับรถเร็วที่ยังคงเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นมาตรการการควบคุมและจำกัดความเร็ว ที่คณะทำงานได้ดำเนินการนั้น วันนี้มีการติดตั้งป้ายแจ้งเตือนตามจุดที่กำหนด จากนี้ไปเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบจะนำเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพาทำการกวดขันจับกุมผู้ประทำความผิด โดยจะเริ่มดำเนินการพร้อมกันทั้งจังหวัดตั้งแต่เดือน ธ.ค.นี้เป็นต้นไป.
เครดิตข้อมูลข่าวโดย : https://www.thairath.co.th