fbpx

วอนด่านเห็นใจ

ผู้ใช้รถใช้ถนนเส้น 24 ซึ่งเป็นถนนสายหลักวิ่งระหว่างนครราชสีมา-อุบลราชธานี ตั้งข้อสังเกตว่า ช่วงระหว่าง สภ.หนองบุญมาก-สภ.ปราสาท มีด่านจับความเร็วตำรวจทางหลวงตั้งถี่มาก

ทั้งขาขึ้น-ล่อง เขาสังเกตเห็นว่า ทุกครั้งที่ขับรถไปส่งของ ต้องเจอขั้นต่ำ 3 ด่าน

หลักๆที่เห็นคือ พื้นที่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ และ อ.สังขะ จ.สุรินทร์

คนที่เขียนมาบอกว่า เที่ยงวันที่ 4 ส.ค.ขับรถจากกรุงเทพมหานคร ขณะถึง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ เขาถูกเรียกให้หยุดรถ ตร.แจ้งว่า ขับเร็ว 120 กม. จึงเดินไปที่โต๊ะเปรียบเทียบปรับ มีผู้ขับขี่รออยู่แล้วเกือบ 20 คน

ทุกคนต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำมาหากินก็ลำบากอยู่แล้ว พอมาเจอด่านปรับอีก 500 บาท ถึงกับพูดไม่ออก

เมื่อถึงคิวของเขาขอเวลาหารือพนักงานเปรียบเทียบปรับครู่ใหญ่ บอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเหยียบ 120 กิโลเมตร เนื่องจากสายตาสั้นต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่

แต่ตำรวจยืนยันว่า ยังไงก็เกินกว่า ก.ม.กำหนด ต้องจ่าย 500 บาท เมื่อถามว่ากล้องตรวจจับได้ว่าเขาใช้ความเร็วเท่าใดกันแน่

ตำรวจไม่มีคำตอบให้

เขาจึงชวนตำรวจเดินไปดูสภาพรถที่ขับมาที่ใช้งานมานานกว่า 15 ปี จะขับรถเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร ท้ายที่สุดตำรวจยอมลดค่าปรับลงมาให้เหลือ 200 บาท

คนที่เขียนมาบอกว่า อยากฝากให้ตำรวจช่วยเข้าใจพนักงานประจำที่มีรายได้จำกัดสวนทางกับสภาพเศรษฐกิจ และหากมีเครื่องตรวจจับความเร็วจริง ขอให้ช่วยระบุความเร็วของรถที่ขับมาเป็นคันๆไป

อีกเรื่องการตั้งด่าน ตร.ทางหลวง บนถนนสาย 24 ในพื้นที่ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ตำรวจที่ดักจับรถที่วิ่งมาทั้งขาขึ้นและล่อง แต่ผู้ขับขี่ที่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร ต้องเสี่ยงตายข้ามถนน 4 เลน เพื่อวิ่งไปจ่ายค่าปรับตำรวจที่ตั้งอยู่ในศาลาที่พักผู้โดยสารริมทาง ในเส้นทางขาออก

หากเกิดอุบัติเหตุถูกรถชนตำรวจจะรับผิดชอบไหวไหม และมีเสียงเล่าลือกันว่า ตำรวจชั้นประทวน รูปร่างใหญ่ ที่ยืนโบกรถในจุดดังกล่าว มักแต่งกายมิดชิด ปิดบังข้อมูลทุกอย่าง

สวมหมวกหม้อตาล ใช้แว่นกันแดดขนาดใหญ่ มีเสื้อกั๊กปิดทับชื่อ-ยศ มักถ่วงเวลาเพื่อให้เกิดการต่อรอง เจตนาคือรับเงินสด ผู้ขับขี่ที่ยอมจ่ายค่าปรับ จะได้ไม่ต้องเสี่ยงตายข้ามไปจ่ายอีกฝั่ง

เห็นแล้วเป็นห่วงแทน.

 

 

เครดิตข้อมูลข่าวโดย :  https://www.thairath.co.th

 

 

Leave a Reply