ผู้ที่จะไปเปิดบัญชีธนาคาร นอกจากต้องเตรียมบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อยืนยันตัวตนแล้ว วันนี้ยังต้องเตรียมใบหน้าให้พร้อมด้วย เพราะธนาคารพาณิชย์ เริ่มใช้ระบบสแกนใบหน้าเก็บฐานข้อมูลเพื่อใช้เป็นเครื่องมือเข้าสู่ระบบบริการทางการเงินแล้ว ซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่าการใส่รหัสตัวเลขในปัจจุบัน
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฯ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ธนาคาร ที่นำร่องใช้ระบบสแกนใบหน้าเปิดบัญชี บอกว่า สมาคมธนาคารไทย ลงทุนกว่า 100 ล้านบาท พัฒนาระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลด้วยการสแกนใบหน้าเพื่อเป็นฐานข้อมูลที่สามารถดึงใช้งานระหว่างธนาคารเพียงเสี้ยววินาที ด้วยเทคโนโลยีบล็อคเชน ที่มีความแม่นยำและปลอดภัยสูง
สาเหตุที่เลือกใช้เทคโนโลยีการสแกนใบหน้าเพราะเหมาะสมกับระบบการเงินของไทยมากที่สุด สามารถทำผ่านมือถือได้เพราะมีกล้องต่างจากระบบสแกนลายนิ้วมือ ที่ยี่ห้อไม่มีระบบดังกล่าว และที่สำคัญลงทุนถูกกว่าการใช้การสแกนลายนิ้วมือหรือสแกนม่านตา ประกอบกับมีฐานข้อมูล รูปจากบัตรประชาชน และหนังสือเดินทางให้เปรียบเทียบ
ทั้งนี้เทคโนโลยีสแกนใบหน้าจะดำเนินการ 2 ระยะ คือ ในการเปิดบัญชีกับธนาคารพาณิชย์ เมื่อลูกค้าไปที่ธนาคารพาณิชย์ครั้งแรกก็จะถูกขอดูบัตรประชาชนเพื่อตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครอง หลังจากนั้นถ่ายรูปลูกค้าไว้เพื่อเป็นข้อมูลในการพิสูจน์ตัวตนในครั้งต่อไปเมื่อมาทำธุรกรรมการเงิน
ระยะที่ 2 เป็นการเปิดบัญชีผ่านโมบาย แอปพลิเคชันของธนาคาร โดยยืนยันตัวตนได้ด้วยระบบการสแกนใบหน้า เทียบกับข้อมูลในบัตรประชาชน และลงนามโดยใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ลูกค้าเปิดบัญชีได้โดยไม่ต้องมาที่สาขาธนาคาร
และระยะต่อไป จะใช้ระบบฐานข้อมูลแบบกล่องกลาง (บล็อกเชน) จัดทำหนังสือค้ำประกันจากธนาคารพาณิชย์และส่งต่อจากลูกค้าให้ผู้รับซึ่งเมื่อมาใช้ได้จะลดเวลาการขอหนังสือค้ำประกันจาก 3-7 วัน เหลือเพียงครึ่งวันเท่านั้น
เครดิตข้อมูลข่าวโดย : http://news.ch3thailand.com