กรุงไทย เผยแผนยุทธศาสตร์ ปี 62 มุ่งเน้นกลุ่มสินเชื่อรายย่อย เร่งผลักดันแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ปรับองค์กรให้ทันยุคดิจิตัล รองรับความต้องการลูกค้า คาดหลังเลือกตั้งเศรษฐกิจกลับมาคึกคัก ประชาชนกล้าลงทุน…
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า ธนาคารได้ติดตั้งเครื่องอ่านบัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ครบทุกสาขาทั่วประเทศแล้ว ประชาชนที่มาใช้บริการจึงต้องพกบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งสามารถเช็กกับกรมการปกครองว่าท่านมีตัวตนจริง เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
ขณะเดียวกัน ธนาคารยังได้ยกระดับเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย โดยการติดตั้งระบบไบโอแมทริกซ์ (biometrics) ในการตรวจสอบข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล จากกล้องวงจรที่มีความมารถในส่งข้อมูลไปประมวลผลด้วยระบบ AI เพื่อตรวจสอบว่าผู้ที่เข้ามาใช้บริการเป็นเจ้าของบัญชีจริงหรือไม่ ในกรณีที่เกิดความผิดพลาด หรือมีข้อสงสัย ก็สามารถนำข้อมูลส่วนนี้มาตรวจสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคาดว่าจะสามารถใช้ได้ประมาณกลางปีนี้
สำหรับแผนการดำเนินยุทธศาสตร์ของธนาคารกรุงไทยปี 62 ว่า ธนาคารจะมีการเติบโตมากกว่า 5% ภายใต้สมมติฐานการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย หรือ GDP อยู่ที่ประมาณ 4.1% ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีความผันผวน ความไม่แน่นอนสูง
โดยในปีนี้ธนาคารจะมุ่งเน้นกลุ่มสินเชื่อรายย่อยเป็นหลัก ทางธนาคารจึงพยายามเร่งทำความรู้ความเข้าใจเพื่อจะขยายฐานใหม่ๆ ของธุรกิจ SME มากขึ้น แต่ขณะเดียวกันคาดว่ากลุ่มสินเชื่อรายใหญ่จะไม่เติบโตแบบหวือหวามากนัก ซึ่งเห็นได้จากกลุ่มอีคอมเมิร์ช (E-Commerce) หรือการดำเนินธุรกิจโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เร่ิมมีการชลอการลงทุน บริษัทใหญ่ๆ หลายบริษัทเร่ิมทยอยรีไฟแนนซ์ซิ่งเป็นระยะ เข้าไปสู่การลงทุนกลุ่มมากขึ้น ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้กระทบกับยอดสินเชื่อคงค้างพอสมควร (Outstanding Balance) ในส่วนของ NPL หรือหนี้เสีย ทางธนาคารจะพยายามรักษาระดับให้ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะมีการปรับให้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
สำหรับการปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัลในปีนี้ จะยังคงมุ่งเน้นใน 5 Ecosystem ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของธนาคารเหมือนเดิม ได้แก่ กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ (Government) กลุ่มการชำระเงิน (Payment) กลุ่มด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาล (Health and Medical) กลุ่มมหาวิทยาลัย โรงเรียน นักศึกษาและนักเรียน (University and Education) และระบบขนส่ง (Mass Transit)
แต่ทั้งนี้เราจะมีการปรับในส่วนนี้ทั้งหมดภายใต้การดำเนินกลยุทธ์ 5P ที่มี “กรุงไทยคุณธรรม” เป็นแกนหลัก ได้แก่ 1.Platform คือ การเป็นแพลตฟอร์มของรัฐบาล 2.Partnership ธนาคารจำเป็นต้องมีพันธมิตรที่เข้ามาร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เช่น การเป็นพันธมิตรกับกรมศุลกากร เปิดบัตรกรุงไทยโลจิสติกส์, การบินไทย, ปตท. ไปรษณีย์ไทย เพื่อให้การดูแลเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นรูปธรรม
3.People มุ่งเน้นกำลังคน เพิ่มประสิทธิภาพพนักงานในทุกด้านให้เหมาะสมกับงาน สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4.Process ผลักดันการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า ทั้งภาพลักษณ์ภายนอกและระบบหลังบ้านเพื่อทดแทนกระบวนการทำงานแบบเดิม เช่น แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT และตัวสุดท้าย 5.Performance การปรับการทำงานทุกส่วนจะต้องเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ในส่วนของแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ธนาคารตั้งเป้าผู้ใช้บริการในปีนี้ไว้ที่ 10 ล้านคน จากปัจจุบันมียอดผู้ใช้งาน 4 ล้านคน ซึ่งขณะนี้ทางธนาคารกำลังเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า และแม้ว่ากรุงไทยจะเป็นธนาคารพาณิชย์อันดับที่ 5 ที่เปิดให้บริการโมบายแบงกิ้ง แต่ก็มีความภาคภูมิใจเนื่องจากได้พัฒนาระบบจากการรวมพลังของบุคลากรภายในของธนาคาร เรียกได้ว่าเป็น home made ของกรุงไทย
และสาเหตุที่กรุงไทยเปิดให้บริการ Krungthai NEXT ช้ากว่าธนาคารอื่น ส่วนหนึ่งมาจากความยากในการนำนวัตกรรมมาปรับใช้ให้เข้ากับกระบวนการทำงานและการทำให้ลูกค้าสามารถเข้าใจในทุกบริการ
นายผยง กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีก 1 เดือนต่อจากนี้ หากมีการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้วก็อาจจะก่อให้เกิดความมั่นใจขึ้น ประชาชนจะเร่ิมกล้าลงทุน มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ธุรกิจต่างๆ ก็จะเติบโตตามมา.
เครดิตข้อมูลข่าวโดย : https://www.thairath.co.th