มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผนึกเอไอเอสร่วมพัฒนานวัตกรรม IoT ยกระดับโครงการ TU Smart City สู่ มหาวิทยาลัยอัจฉริยะ ด้วยขีดความสามารถของเทคโนโลยีจากเครือข่าย AIS NB-IoT, อุปกรณ์ IoT และ IoT แพลตฟอร์ม แบบครบวงจร
เริ่มต้นใช้งานกับ 3 โซลูชั่น ที่ช่วยบริหารจัดการทรัพยากรและพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านระบบมอนิเตอร์อัจฉริยะโดยไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่อีกต่อไป ประกอบด้วย
Smart License Plate : ระบบตรวจสอบทะเบียนรถเข้าออกภายในบริเวณหอพัก โดยเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลรถที่ได้รับอนุญาต ทำให้สะดวกในการบริหารความปลอดภัยและจัดการพื้นที่จอดรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ,
Smart Lighting : ระบบควบคุมไฟริมทางตามถนนภายในมหาวิทยาลัยกว่า 5,000 ดวง โดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับ เพื่อหรี่ไฟอัตโนมัติ เมื่อไม่มีการเคลื่อนไหวในบริเวณนั้น, สามารถตั้งค่าความสว่างในแต่ละโซนได้ รวมทั้งระบบจะแจ้งเตือนทันที เมื่อไฟชำรุด ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการใช้พลังงานในส่วนนี้ได้ถึง 50%
Smart Locker : บริหารการใช้ตู้ล็อกเกอร์ด้วยระบบ IoT มอบความสะดวกแก่ผู้ใช้ ให้สามารถดูสถานะของตู้ได้ พร้อมระบบล็อกดิจิทัล
รองศาสตราจารย์เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า“มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากจะให้บริการด้านการศึกษาแล้ว เรายังเป็นชุมชนที่มีสมาชิกทั้งนักศึกษาและบุคลากรมากกว่า 10,000 คน ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่หอพักทุกวัน และมีคนเข้าออกตลอดเวลา ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ เพื่ออำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัยอย่างรัดกุม
โดยตั้งแต่เราก่อตั้งโครงการ TU Smart City ขึ้นมา เราไม่หยุดนิ่งที่จะสรรหา และพัฒนาโซลูชันส์ต่างๆ เพื่อนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่เข้ามาช่วยจัดการภายในมหาวิทยาลัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราเลือกใช้บริการ IoT จากเอไอเอส เนื่องจากพิจารณาเห็นถึงความพร้อมเครือข่าย NB IoT ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
เรียกได้ว่าตอบโจทย์การใช้ชีวิตของนักศึกษา/บุคลากร รวมถึงระบบบริหารจัดการพื้นที่และทรัพยากรของมหาวิทยาลัยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะช่วยดูแลสิ่งแวดล้อม สร้างความคุ้มค่าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ด้าน ยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร เอไอเอส กล่าวว่า “ เรามีความยินดีอย่างยิ่ง ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไว้วางใจเลือกใช้โซลูชันส์ IoT จากเอไอเอส เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโครงการ “TU Smart City” โดยมีเป้าหมายร่วมกัน คือ ยกระดับการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยี ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม
ซึ่งเอไอเอสได้คัดสรรนวัตกรรมดิจิทัลที่กำลังเป็นเทรนด์ของโลก อย่าง Internet of Things หรือ IoT มาให้บริการเชิงพาณิชย์แล้ว โดยนำศักยภาพเครือข่าย NB IoT ที่ครอบคลุมทั่วประเทศแล้วมาผสมผสานกับอุปกรณ์ NB IoT ที่ใช้พลังงานต่ำ แต่สามารถสื่อสารกับเครือข่ายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แม้อุปกรณ์นั้นจะอยู่ในพื้นที่ปิด พร้อมด้วยการพัฒนาโซลูชันส์ IoT รวมถึงแพลตฟอร์มที่รองรับการให้บริการ IoT
เครติดข้อมูลข่าวโดย : https://mgronline.com