ตามที่สำนักข่าวของอินเดีย NDTV พบว่าเด็กที่สูญหายไปเกือบ 3,000 คนมีภูมิลำเนาตั้งอยู่ในกรุงนิวเดลี เพียงสี่วันหลังจากที่กรมตำรวจของเมืองนิวเดลี ได้ใช้ทดลองใช้งานโปรแกรมซอฟต์แวร์จดจำใบหน้า
การติดตามเด็กนับพันที่หายไปในแต่ละปีในประเทศที่มีประชากรจำนวนกว่า 1.3 พันล้านคนถือเป็นงานที่มีความยากมาก ตามที่กระทรวงสตรีอินเดีย และการพัฒนาเด็กพบว่ามีเด็กมากกว่า 240,000 คนที่ถูกรายงานว่าสูญหายไประหว่างปี พ. ศ. 2555 และ พ.ศ. 2560 ถึงแม้ว่าจำนวนจริงอาจจะมีจำนวนที่สูงกว่านี้ องค์กรบางแห่งคาดว่าตัวเลขที่แท้จริงของเด็กที่สูญหายไปใกล้เคียงกับจำนวน 500,000 ต่อปี
ทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวทางกระทรวงได้จัดตั้งฐานข้อมูลออนไลน์ทั่วประเทศชื่อว่า TrackChild ซึ่งสามารถโพสต์ และดูภาพของเด็กที่สูญหายไป และสามารถแบ่งปันข้อมูลดังกล่าวให้กับตำรวจระหว่างหน่วยงานต่างๆ และพลเมืองได้ แม้ว่าระบบดังกล่าวนี้จะกลายเป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์แล้วก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังคงมีงานที่ต้องทำและจัดการอีกมากมาย
ดังนั้นองค์กรด้านสวัสดิการเด็กที่ชื่อ Bachpan Bachao Andolan (BBA) ได้พัฒนาซอฟต์แวร์ FRS เพื่อทำให้กระบวนการติดตามภาพของเด็กที่สูญหาย TrackChild เป็นไปโดยอัตโนมัติ รายละเอียดของอัลกอริธึมการจดจำใบหน้าโดยเฉพาะที่โปรแกรมจดจำใบหน้าที่กรมตำรวจใช้อยู่นี้ไม่สามารถใช้ได้ แต่ปัจจุบัน FRS แพลตฟอร์มใช้หนึ่งหรือทั้งสองวิธีเช่น geometric หรือ photometric.
ขั้นตอนวิธีทางเรขาคณิต (หรือที่เรียกว่าคุณลักษณะ) จะวิเคราะห์และเปรียบเทียบใบหน้าด้วยการแม็ประยะห่างระหว่างคุณลักษณะ และสังเกตตำแหน่งของใบหน้าขณะที่อัลกอริธึม photometric แบ่งภาพลงในข้อมูล pixel-by-pixel ของเฉดสีที่สามารถเปรียบเทียบได้ ซึ่งอัลกอริธึม photometric ต้องการรูปภาพอ้างอิงจำนวนมากก่อนที่จะมีการเปรียบเทียบได้จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่ Delhi FRS จะมีเทคโนโลยีนี้
เนื่องจากมีรายงานปัญหาเกี่ยวกับระบบราชการค่อนข้างสับสนโครงการนำร่อง FRS จึงไม่ใช้งานจนกว่าศาลสูงของกรุงนิวเดลีจะเข้ามาแทรกแซงเพื่อช่วยกรมตำรวจ เพื่อให้ได้รับการอนุมัติเมื่อ FRS สามารถระบุเด็กได้ 2,930 คนหลังจากได้รับข้อมูลจากเด็ก 45,000 รายจากฐานข้อมูลของระบบ TrackChild
ปัจจุบันอินเดียมีเด็กที่หายไปเกือบ 200,000 คน และประมาณ 90,000 คนอาศัยอยู่ในสถาบันการเลี้ยงเด็กหลายแห่ง เกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะสามารถถ่ายภาพเพื่อจับคู่เด็กได้ “Bhuwan Ribhu นักกิจกรรม BBA กล่าวกับ The Better India
ไม่สำคัญว่าหน่วยงานตำรวจอื่น ๆ ใช้ซอฟต์แวร์นี้หรือไม่ แม้ว่าบางแผนกจะใช้งานซอฟต์แวร์นี้จากนั้นก็ตามการเรียกใช้งานผ่านฐานข้อมูลทั้งหมดภายใต้กระทรวงสตรีและการพัฒนาเด็กจะส่งผลที่จำเป็นซึ่งสามารถใช้ร่วมกับแผนกอื่น ๆ ได้ ”
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าระบบจำเป็นต้องแก้ไขทางกฎหมายเพิ่มเติมก่อนที่จะสามารถเพิ่มลงในโปรแกรม TrackChild ได้อย่างถาวร
เครดิตข้อมูลข่าวโดย : http://www.iflscience.com